ถุงลมนิรภัย (Airbag) ทำงานอย่างไร?
หนึ่งในความปลอดภัยที่รถต้องมีคือถุงลมนิรภัย หรือแอร์แบ็ก ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยลดอัตราการเสียชีวิตเมื่อรถยนต์เกิดอุบัติเหตุ ว่าแต่จะมีกี่คนที่เข้าใจหลักการการทำงานของแอร์แบ็กว่าทำงานอย่างไร ช่วยชีวิตเราได้อย่างไร มีอันตรายหรือไม่ และมีข้อควรระวังอย่างไร
แอร์แบ็กถูกออกแบบมาเพื่อลดอัตราการบาดเจ็บช่วงศีรษะและคอจากการชน โดยจะช่วยไม่ให้ศีรษะกระแทกกับพวงมาลัยหรือแผงหน้าปัดด้านหน้า และยังช่วยไม่ให้เกิดการบาดเจ็บบริเวณข้อต่อเวลาที่ศีรษะถูกเหวี่ยงไปข้างหน้า และหลังอย่างรวดเร็วจากการกระแทกกับของแข็ง
แอร์แบ็กมีการทำงาน 2 ขั้นตอน คือ
1. ในจังหวะแรกแอร์แบ็กจะพองตัวแค่ 30%
เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้โดยสารกระแทกกับแอร์แบ็กแล้วเหวี่ยงกลับไปชนกับพนักที่นั่งอย่างรวดเร็วจนทำให้เกิดการบาดเจ็บบริเวณคอ
2. จากนั้นจะพองตัว 100% ภายในเสี้ยววินาที
เพื่อไม่ให้ตัวของผู้โดยสารไปกระแทกกับของแข็งอื่นๆ ในห้องโดยสาร
นอกจากนี้ การทำงานของแอร์แบ็กในรถรุ่นใหม่ๆ ยังสอดคล้องกับการคาดเข็มขัดนิรภัยด้วย โดยหากคุณไม่ได้คาดเข็มขัด แอร์แบ็กก็จะไม่ทำงาน เพราะผู้โดยสารไม่ได้ถูกยึดไว้กับที่นั่ง หากแอร์แบ็กทำงาน อาจทำให้ผู้โดยสารได้รับอันตรายมากกว่าเดิม
แอร์แบ็กรู้ได้อย่างไรว่าต้องทำงานตอนไหน
เซ็นเซอร์แอร์แบ็กจะถูกติดตั้งไว้รอบๆ รถ ซึ่งจะเชื่อมโยงกับการทำงานของแอร์แบ็กในแต่ละจุด เช่น เซ็นเซอร์ของแอร์แบ็กบริเวณที่นั่งด้านหน้าจะอยู่บริเวณหลังกันชนหน้า เมื่อเกิดอุบัติเหตุ เซ็นเซอร์จุดที่โดนกระทบจะทำให้แอร์แบ็กส่วนนั้นทำงานหากมีผู้โดยสารนั่งอยู่ที่ตำแหน่งนั้น เช่น หากถูกชนด้านข้าง ก็จะมีแต่แอร์แบ็กด้านข้างที่ทำงาน แอร์แบ็กด้านหน้าจะไม่ทำงานด้วย
มีข้อควรระวังอะไรหรือไม่
หากใช้อยากถูกวิธี แอร์แบ็กสามารถช่วยลดอาการบาดเจ็บได้ถึง 24% อย่างไรก็ตาม เมื่อแอร์แบ็กทำงาน อาจมีเศษวัสดุบางอย่างที่อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ นอกจากนี้ สำหรับรถที่มีเด็กเล็ก ไม่ควรวางคาร์ซีทแบบหันหลังไปด้านหน้าตรงจุดที่มีแอร์แบ็ก เพราะนั่นอาจทำให้เด็กได้รับแรงกระแทกจากการทำงานของแอร์แบ็กได้
Cr.Sanookauto