“เคลมสด” กับ “เคลมแห้ง” ต่างกันอย่างไร?
สำหรับการทำประกันภัยรถยนต์ และการเคลมนั้น อาจจะคุ้นหูกับคำว่า “เคลมแห้ง” และ “เคลมสด” ซึ่งเป็นรูปแบบการเคลมที่มีความแตกต่างกัน และเกี่ยวข้องกับการคุ้มครองที่รถยนต์ของคุณจะได้รับด้วย ลองมาดูข้อมูลดีๆ จากทาง SILKSPAN เพื่อให้คุณเข้าใจยิ่งขึ้นกับการเคลมประกันรถยนต์
เคลมสด คือ ?
เคลมสดเป็นการเคลมที่เกิดจากการแจ้งเหตุที่เกิดขึ้น ณ เวลานั้นในทันที และมีความจำเป็นต้องแจ้งบริษัทประกันเพื่อให้พนักงานเข้ามาทำการตรวจสอบ และทำเรื่องเคลม ณ จุดเกิดเหตุ เป็นการแจ้งเคลมแบบที่มีคู่กรณี หรืออาจไม่มีคู่กรณีก็ได้
เหตุการณ์ที่มักเกิดขึ้น
เกิดความเสียหายขึ้นกับรถยนต์ในระดับหนึ่ง เช่น อาจมีเกิดรอยแผลใหญ่ที่ตัวรถของคุณ หรือคู่กรณี
จำเป็นต้องมีการเคลียร์ และทำเรื่องเคลมกับคู่กรณีที่อาจเกิดความเสียหาย
รถยนต์เกิดความเสียหายหนักจนไม่สามารถขับขี่ต่อได้ เช่น รถพลิกคว่ำ หรือรถยนต์ตกข้างทาง มีความจำเป็นต้องใช้รถยก
มีผู้โดยสาร หรือผู้ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายคุณ หรือคู่กรณีบาดเจ็บ หรือต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล
เคลมแห้ง คือ ?
เคลมแห้งเป็นการทำเรื่องเคลมประกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้ว และมีการทำการแจ้งบริษัทประกันในภายหลัง โดยมากมักเป็นความเสียหายระดับเล็กน้อย หรือเป็นอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี เช่น รถโดนชนแบบไม่มีคู่กรณี ,รถครูดฟุตบาท, ครูดราวสะพาน, ชนต้นไม้, ชนรั้วบ้าน, สะเก็ดหิน หรือกระเด็นใส่รถ
โดยตัวผู้ขับขี่เองจะต้องเป็นคนบันทึกวันเวลาที่เกิดเหตุ ถ่ายภาพ หรือวิดีโอเก็บไว้ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการทำเรื่องเคลมในภายหลัง ซึ่งสามารถทำได้หลากหลายวิธี ทั้งการเรียกบริษัทประกันให้เข้ามาตรวจสอบโดยละเอียดอีกครั้ง, ยื่นเคลมเองตามช่องทางที่บริษัทบางแห่งรองรับ เพื่อเป็นการขอใบเคลม แล้วจึงสามารถนำรถเข้าไปซ่อมที่อู่ซ่อม หรือศูนย์ซ่อมในลำดับถัดไป
สำหรับการเคลมแห้ง จะมีการคุ้มครองเฉพาะในประกันภัยชั้น 1 เท่านั้น และอาจโดนเก็บค่าเสียหายส่วนแรก หรือ ค่า Excess ในกรณีที่ไม่มีคู่กรณี
เคลมแห้งแบบที่มีสิทธิ์เสียค่า Excess
เกิดเหตุแบบไม่มีคู่กรณี
ขับเหยียบตะปู, น็อต หรือของมีคม ทำให้ยางแตก หรือระเบิด
ก้อนหิน, สะเก็ดหิน หรือมีวัตถุกระเด็นมาโดนรถ และเกิดรอย
มีละอองสี, หรือปูนซีเมนต์ลอยมาติด ไม่สามารถทำความสะอาดได้ ต้องทำสีใหม่
ถูกสัตว์กัด, แทะ หรือข่วน
เคลมแห้งแบบที่ไม่ต้องเสียค่า Excess
โดนชนแล้วหนี แต่มีหลักฐาน ระบุคู่กรณีได้
ชนบ้าน อาคาร ป้ายจราจร หรือทรัพย์สินที่มีการยึดแน่นอยู่กับที่
ชนเสาไฟฟ้า, ราวสะพาน
ชนคน, สัตว์
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการเคลม
1. การเคลมประกันรถยนต์ ไม่ว่าจะการ “เคลมสด” หรือ “เคลมแห้ง” ถ้าคุณเป็น ฝ่ายผิด จะมีผลต่อค่าเบี้ยประกันในปีถัดไปอย่างแน่นอน
2. หากเป็น ฝ่ายถูก การเคลมที่เกิดขึ้นจะไม่มีผลต่อการปรับค่าเบี้ยประกันในปีถัดไป
3. ใบเคลมประกันมีอายุประมาณ 1 ปี เมื่อได้รับใบเคลมแล้วควรทำการติดต่ออู่ซ่อม หรือศูนย์ซ่อมเพื่อทำการนัดวันเวลาในการเข้าซ่อมก่อนใบเคลมจะหมดอายุ
เพียงเท่านี้ก็จะทำให้คุณมีความเข้าใจเกี่ยวกับการเคลมประกันมากขึ้น และเป็นประโยชน์หากเกิดเหตุขึ้นกับคุณ และเมื่อทำการเคลมประกันเสร็จสิ้นแล้ว ก็อย่าลืมขอข้อมูลการติดต่อของพนักงานที่รับเรื่องไว้ ถ้าหากมีปัญหาก็จะสามารถทำการติดต่อประสานงานได้อย่างรวดเร็ว
Cr..sanookauto