7 สิ่งที่ควรเช็กเพื่อให้เครื่องยนต์อยู่ในสภาพดีไปอีกนาน
เชื่อว่าเจ้าของรถทุกคนย่อมอยากให้รถยนต์คู่ใจอยู่ด้วยกันไปนานๆ ไม่งอแง ไม่ต้องพาเข้าศูนย์ เข้าอู่บ่อยๆ เจ้าของเองก็สามารถช่วยให้รถมีสภาพสมบูรณ์เหมือนใหม่ได้ เพียงคุณแค่ทำตามข้อแนะนำนี้
เช็กระดับน้ำยาหล่อเย็น
น้ำยาหล่อเย็นเป็นตัวช่วยลดอุณหภูมิของเครื่องยนต์ หากน้ำยาหล่อเย็นมีไม่เพียงพอ อุณหภูมิของเครื่องยนต์อาจจะสูงเกินไปและสร้างความเสียหายได้ วิธีเช็กระดับน้ำยาหล่อเย็น ให้เช็กตอนที่อุณหภูมิเครื่องเย็น หรือตอนที่จอดทิ้งไว้เฉยๆ เปิดฝาดูว่าระดับน้ำยาหล่อเย็นอยู่ที่ขีด Full หรือไม่ หากอยู่ที่ระดับต่ำกว่า สามารถเติมให้อยู่ที่ระดับ Full
น้ำมันเครื่อง และน้ำมันเกียร์ออโต้
น้ำมันเครื่องเป็นตัวช่วยไม่ให้เครื่องยนต์สึกหรอ เราสามารถเช็กระดับน้ำมันเครื่องโดยดึงก้านเช็กออกมา เช็ดก้านให้แห้ง แล้วนำก้านเช็กจุ่มลงไปใหม่ แล้วดูระดับน้ำมันเครื่องบนก้าน ปริมาณที่เหมาะสมคือควรอยู่หว่างขีดบน และขีดล่าง เพื่อความแม่นยำ เราควรเช็กระดับน้ำมันเครื่องตอนที่เครื่องยนต์ไม่ร้อน เช่นหลังจากจอดพักไว้ 1 คืน หรืออย่างน้อยครึ่งชั่วโมงหลังจากดับเครื่อง นอกจากนี้เราควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเมื่อถึงระยะที่กำหนด ส่วนวิธีเช็กน้ำมันเกียร์ออโต้ก็เหมือนกับการเช็กน้ำมันเครื่อง ต่างกันแค่การเช็กน้ำมันเกียร์ออโต้ต้องทำตอนที่เครื่องยนต์ติดเท่านั้น
น้ำกลั่น
หากแบตเตอรี่ของคุณมีตาแมวก็สามารถเช็กผ่านตาแมวได้เลย แต่หากไม่มี ให้คุณเปิดฝาช่องเติมน้ำกลั่นแต่ละช่องดู หากเห็นว่าระดับน้ำกลั่นต่ำกว่าเกณฑ์ ก็ควรเติมทันที แต่ห้ามเติมเกินเกณฑ์ที่กำหนด เพราะนั่นอาจทำให้แบตเตอรี่ไม่ทำงาน หรือมีน้ำล้นออกมาได้
น้ำมันเบรก
เราสามารถเช็กระดับน้ำมันเบรกโดยดูจากกระปุกได้เลย ซึ่งปกติแล้วน้ำมันเบรกจะไม่ค่อยลด แต่ถ้าหากลดนั่นอาจเป็นเพราะผ้าเบรกบางลง แต่ถ้าผ้าเบรกยังหนาอยู่อาจสันนิษฐานได้ว่ามีการรั่วซึม ควรตรวจเช็กทันที
น้ำมันคลัช
การเช็กน้ำมันคลัชนั้นง่ายมาก เพียงแค่ดูที่กระปุกของแต่ละอันว่าระดับน้ำมันอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่ หากไม่ถึงก็สามารถเติมได้เลย
น้ำมันพาวเวอร์
การเช็กน้ำมันพาวเวอร์สามารถดูได้ 2 แบบแบ่งตามอุณหภูมิของเครื่องยนต์ หากเครื่องยนต์ร้อนให้ดูด้าน Hot แต่ถ้าเครื่องยนต์เย็นก็ให้ดูที่ฝั่ง Cold แล้วเช็กว่าระดับน้ำมันพาวเวอร์อยู่ที่ระดับ Full หรือไม่ หากไม่ถึงก็ควรเติมให้อยู่ที่ระดับ Full
สายพาน
ในส่วนของสายพานเราจะต้องเช็กสองอย่าง อย่างแรกคือให้ลองเช็กดูว่าสายพานมีรอยแตกหรือไม่ หากมีให้เปลี่ยนทันที อย่างที่สองคือการเช็กความตึงของสายพาน โดยให้เอานิ้วกดลงไปตรงกลางสายพาน หากสามารถกดลดไปได้ประมาณ 1 เซนติเมตร แปลว่าใช้ได้
เพียงเท่านี้คุณก็สามารถต่ออายุความสมบูรณ์ของเครื่องยนต์ให้อยู่กับคุณไปนานๆ โดยที่ไม่ต้องเข้าศูนย์เข้าอู่ให้เสียเวลา เสียอารมณ์กันบ่อยๆ แถมยังประหยัดค่าซ่อมไปในตัวอีกด้วย
Cr.Sanookauto
